เริ่มต้นด้วยการ เดินไปห้างใกล้บ้าน แล้วก็ไปแผนกของเล่น แล้วก็หาบูธ Beyblade X แล้วก็ซื้อมันทุกตัวเลย ... จบ
แอดแมว: "เออ..จัดไป" .. เมี้ยวว =^ ^=
📍กติกาของ Beyblade X ที่ใช้ในการแข่งขันในประเทศไทยจะใช้ Beyblade 3 ตัว ชิ้นส่วนไม่ซ้ำกัน
ตัวอย่างเช่น Blade Wizard Rod ที่ออกมาจะมี 4 สี คือ เหลือง เหลืองเข้ม เขียว ทอง เราสามารถเลือกเอามาใช้แข่งได้แค่อันเดียว ไม่สามารถใช้ Wizard Rod 3 ตัว 3 สีได้ Ratchet 9-60 จะมีหลายสีเช่นกัน เราเลือกมาได้แค่ชิ้นเดียว และ Bit P ซึ่งก็มีหลายสีเช่นกัน เราเลือกมาได้แค่ชิ้นเดียว
สรุปคือ "ชิ้นส่วนชื่อเดียวกัน แค่คนละสี ถือว่าซ้ำกัน" จบ .. โอเคนะ
📍ทีนี้ได้เวลาเลือกซื้อของเพื่อไปเป็นเบลดเดอร์ (Blader) ที่เก่งที่สุดในโลกแล้วสินะ
หลังจากที่แอดฯ โลดแล่นในการแข่งขันต่างๆ ที่จัดขึ้นในประเทศไทยมาหลายๆ ครั้ง แอดสังเกตเห็นว่า Blader แต่ละคน ก็จะมี Deck ต่างกันไป (ปล: Deck คือ Beyblade ที่เอาไปแข่ง 3 ตัว) ที่เห็นเยอะคือ สายตีล้วน / สายยืนล้วน / สายผสมผสาน ซึ่งเราจะมาชำแหละกันว่าตัวไหนดีนะ
📍สายตี (Attack) คือ เราต้องการตีคู่ต่อสู้ให้ออก หรือ แตก (บางคนเรียกว่า "เบิร์ส") ก่อนที่เราจะหมดแรง ซึ่ง Blade สำหรับสายตี จุดสังเกตจะมีแง่ง มีเหลี่ยม เอาไว้ตี เวลาชน จะกระเด็นไกล ตัวที่เด่นสุดๆ คนใช้เยอะ ได้แก่ Phoenix Wing / Shark Edge / Tyranno Beat / Cobalt Dragoon / Whale Wave / Dran Buster / Samurai Saber / Knight Mail / Impact Drake / Golem Rock
📍สายยืนนาน (Stamina) คือ เราสามารถหลบหรือรับการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ดี และหมดแรงหลังคนอื่นเค้า ซึ่ง Blade สำหรับสายยืนนาน จะมีรูปร่างค่อนข้างกลม เอาไว้ปัดแรง และล้มยาก ซึ่งตัวที่คนใช้เยอะแบบตึงๆ ได้แก่ Wizard Rod / Silver Wolf / Cobalt Dragoon / Samurai Saber / Knight Mail
"ตัวอื่นๆ ล่ะ แอด ไม่บอกให้หมดล่ะ"
...
"อ่าว เมื่อกี้บอกให้แอดเลือกมาให้ไม่ใช่หรอ"
...
"เออเนอะ ขอโทษครับแอด ต่อเลยๆ"
...
📍 ส่วนต่อไปที่ต้องพิจารณาคือ Bit เพราะ Bit จะเป็นตัวกำหนดการวิ่งของ Beyblade ซึ่งจะแบ่งย่อยๆ ได้คือ
💥💥Bit โจมตี วื่งชนอย่างเดียว วนตีๆ จะแรง หรือ เบา ขึ้นอยู้กับชนิดของมัน ที่ใช้กันเยอะๆ คือ Rush / Flat / Level / LowRush / LowFlat (ภาพปลากรอบอาจจะไม่ครบทุกอันนะครับ)
บิท LR (Low Rush)
💥💥Bit ยืนนาน (บิทสเตมิน่า) วิ่งหลบไปหลบมา ก่อนที่จะยืนนิ่งๆ เพื่อรับการโจมตีก่อนที่คู่ต่อสู้จะหมดแรง ที่ใช้กันเยอะๆ คือ Ball / Free Ball / Orb
บิท FB (Free Ball)
💥💥 Bit ป้องกัน เน้นยืนรับแรงโจมตีอยู่ตรงกลาง ส่วนใหญ่ปลายจะแหลมๆ เอียงไปเอียงมา แต่ไม่ล้ม ที่ใช้กัน คือ HighNeedle / UnderNeedle
บิท E (Elevate)
เมื่อเราได้เบลด (Blade) กับ บิท (Bit) ที่ต้องการแล้ว ส่วนประกอบต่อไปคือ แรทเชท (Ratchet) ซึ่งตรงจุดนี้ แอดว่าแต่ละคนจะชอบต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิธีการเล่น และส่วนผสมของ Blade กับ Bit แต่ถ้าจะให้แอดแนะนำในแบบฉบับ "ของมันต้องมี" ก่อน แอดก็ขอแนะนำดังนี้ (ภาพปลากรอบอาจจะไม่ครบทุกอันนะครับ)
9-60 กลมๆ เบาๆ ใส่แล้วโดนตีแตกยาก ทุกคนต้องมี
3-60 สมดุลดี เหวี่ยงเข้าไลน์แล้วไม่ค่อยหลุด
1-60 เบา ช่วยเรื่องแรงเหวี่ยงเข้าไลน์ เพิ่มความแรงในการตีเฉพาะจุด และมีความสามารถในการช่วยกระโดดกลับมาจากหลุม Over ได้บ่อยครั้ง 555+
5-60 เพิ่มน้ำหนัก ช่วยให้สมดุลดีขึ้น
7-60 / 7-70 เพิ่มน้ำหนัก เน้นให้อยู่ตรงกลาง แต่ถ้าเข้าไลน์ได้ จะตีแรงมาก
ทีนี้ความสูงล่ะ เอา 60 70 หรือ 80 ดี อันนี้ก็ต้องไปทดลองกันเองนะ ว่าใส่อะไรแล้วรู้สึกว่าใช่ รู้สึกว่าเข้ามือ Beyblade วิ่งไปตามที่คิดไว้ ไม่มีถูก ไม่มีผิด มีแค่สนุก กับ สนุก เพราะเราจะได้สวมวิญาณเป็นนักวิจัย หาคอมโบที่ดีที่สุดสำหรับเราเอง ไว้แอดจะถ่ายทอดวิชา วิจัย 101 ให้นะจ๊ะ 😁
(หมายเหตุ: วิชาวิจัยเบย์ 101 อ่านได้ที่นี่ https://ministryofbeybladex.blogspot.com/2025/03/101.html)
"แอดคับ ถ้าซื้อของตามนี้แล้วผมจะชนะเลยป่ะ"
"เหอๆๆ ... การจะเป็นแชมป์ ไม่ใช่การที่เราใช้คอมโบที่เค้าว่ากันว่าดีที่สุด (อย่างเช่น พวกคอมโบเมต้าไรงิ) แต่มันคือการที่เราใช้คอมโบที่เราชอบ เข้ามือ หรือถนัดที่สุด และที่สำคัญ .. เล่นให้สนุกที่สุดโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเราจะแพ้หรือชนะงัยล่ะ ฮ่าๆๆๆ"
ตอนต่อไป เราจะไปหาซื้อของใหม่กิ๊กๆ กันนะครับ แนะนำบทความนี้เลยครับ https://ministryofbeybladex.blogspot.com/2025/02/deck.html
สำหรับวันนี้แอดฯ ขอลาไปก่อน ถ้าเบลดเดอร์ท่านใดสนใจเนื้อหาดีๆ ที่ทางเพจเรานำเสนอ ก็อย่าลืมกด Like เพจ หรือ กด "ติดตาม" เพจไว้ด้วยนะคับผม 😆😆😆